วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555


ศิลปะตะวันตก
(ยุคหลังลัทธิอิมเพรสชันนิสม์ - สงครามโลกครั้งที่๑)
------------------------------------------------------------------------------------------------
          ความเคลื่อนไหวของศิลปะเอกเพรสชันนิสม์ที่สำคัญมี 2 กลุ่ม คือ
          1. ศิลปินกลุ่มสะพาน (The Bridge)
          2. กลุ่มม้าสีน้ำเงิน (The Blue  Rider)

.ศิลปินกลุ่มสะพาน (The Bridge)
สะท้อนความสับสน ความอัปลักษณ์ของสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และศาสนา  ความสกปรกของสังคม ความเหลวแหลกโสมม หลอกลวง  ใช้สีที่รุนแรง (สลายตัว ค.ศ.๑๙๑๓  จากปัญหาวิกฤตสังคมและสงครามโลกครั้งที่๑)
แนวทางการสร้างสรรค์งานจะสะท้อนเรื่องราวทางศาสนาด้วยความรู้สึกโหดร้ายน่าขยะแขยงน่าเกลียด แสดงความรัก กามารมณ์และความตาย ประการสำคัญภาพส่วนใหญ่เน้นแสดงออกทางจิตวิทยามากกว่าความจริง 
2. กลุ่มม้าสีน้ำเงิน (The Blue  Rider)
ได้รับอิทธิพลของโกแกงมากว่าแวนโก๊ะ แนวทางการสร้างสรรค์เป็นแบบผ่อนคลายกระทำความรู้สึกของผู้ชมจากความรู้สึกน่าขยะแขยง เป็นการแสดงอารมณ์แบบรุนแรงที่แผงความสนุกสนาน ใช้สี   เส้น และการแสดงลีลาคล้ายเสียงดนตรี (สลายตัว ค.ศ. 1914 เพราะ WW.I)
***
                ศิลปะลัทธิโฟวิสม์
                ศิลปิน : มาทิสส์ (Matisse)
ผลงานช่วงแรกของมาทิสส์เป็นแบบอิมเพรสชันนิสม์ ผลงานที่สำคัญ คือ “ภาพเปลือยกับลวดลายเบื้องหลัง”  “ห้องสีแดง” มาทิสส์สร้างงานที่ไม่เน้นรายละเอียด ส่งผลต่อวงการประติมากรรมสมัยใหม่เป็นอย่างมาก
                       มาดามมาทิสส์ โดย มาทิสส์, 1905 / ประติมากรรมชุดข้างหลังผู้หญิง,โดย มาทิสส์, 1909-29
***
                 ศิลปินลัทธิเอ็กเพรสชันนิสม์
                 ศิลปิล : เอ็ดวาร์ด มูงค์ (Edvard Munch)
เป็นผู้นำและผู้ให้อิทธิพลแก่ศิลปินกลุ่มเอ็กเพรสชันนิสม์ เกิดวันที่ 12 ธันวาคม 1863 ทางภาคใต้ของนอรเวย์  ผลงานที่มีชื่อเสียงของมูงค์คือ ภาพ เสียงร้องไห้”  หรือ The Cry ซึ่งเขียนในปี ค..1893 เขาสามารถผสานอารมณ์ของเส้น และสีที่ปรากฏในผืนภาพให้กระตุ้นและชักนำอารมณ์ของคนชราได้เช่นเดียวกับเขา 
                                                                    เสียงร้องไห้, มูงส์, 1893
***


                ศิลปินลัทธิบิสม์
                ศิลปิน : ปาโบล ปิคัสโซ (Pablo Picasso)
ปิคัสโซเป็นศิลปินหัวก้าวหน้า พัฒนาผลงานอย่างไม่หยุดยั้ง  เริ่มจากการทำงานตามแบบแผนที่มีโครงสร้าง โดยใช้สีวรรณะเย็นดูเศร้าหมองแบบยุคม้าสีน้ำเงิน  สะท้อนชีวิตที่ยากลำบากของเขา

                                     สมบัติส่วนตัวของปิคัสโซ, 1937
            ศิลปิน : จอร์จ บราค
เกิดที่เมืองเลออาฟร์ ใกล้กรุงปารีสเรียนศิลปะเมื่อายุ 17 ปี โดยมุ่งจะเป็นมัณฑนากรเมื่อพบกับดูฟี (Doufi) และฟิทซ์ (Fitz) ศิลปินลัทธิโฟวิสม์  จึงหันเหสู่การสร้างสรรค์จิตรกรรมและรวมกลุ่มกับศิลปินลัทธิโฟวิสม์ ผลงานชิ้นสำคัญของยอร์จ บราค มี อาที บ้านที่เลสตัคอยู่ที่พิพิธภัณฑ์กรุงเบอร์น โต๊ะนักดนตรี” “แท่นสีดำอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่กรุงปารีส รูปปั้น หัวม้าอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ กรุงปารีส ฯลฯ

                                      โรเบิร์ต เดอ โลเนย์ (หอไอเฟล)

***
ศิลปะลัทธินามธรรม (Abstractionism Art)
ให้ความสำคัญเรื่องรูปแบบศิลปะหรือปรากฏการณ์ อันเกิดจากการผสานรวมตัวกันของทัศนะธาตุ ( เส้น สี แสงเงา รูปร่าง ลักษณะผิว )ไม่คำนึงถึงเนื้อหาศิลปะ จำแนกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ
1. ศิลปะนามธรรมแบบโรแมนติก
2. ศิลปะนามธรรมแบบคลาสสิค 

1.   ศิลปะนามธรรมแบบโรแมนติก สร้างงานที่แสดงอารมณ์ความรู้สึกอย่างเสรี โดยส่งผ่านลักษณะรูปแบบศิลปะที่อิสระ ศิลปินอาจมีพื้นฐานทางอารมณ์มาจากความรัก ความเศร้า ความห้าวหาญ ฯลฯ แล้วแสดงออกอย่างทันที
2.   ศิลปะนามธรรมแบบคลาสสิกสร้างงานที่ผ่านการคิดไตร่ตรองการวางแผนอย่างมีระบบมีกฎเกณฑ์ โดยใช้รูปทรงเรขาคณิตควบคุม ศิลปินกลุ่มนี้มีมงเดรียน (Mondrian) เป็นผู้นำให้อิทธิพลต่อ Abstract แบบขอบคม (Op Art) ในอเมริกา
                                                         The composition, Kandinsky, 1939
***
                ศิลปิน : แจคสัน พอลลอค (Jackson Pollock)
               ได้รับฉายาว่าเป็นจิตรกรแบบ Action Painting สร้างงานจิตรกรรมโดยการสาด สลัด ราดหรือแม้แต่การเหวี่ยงลงบนพื้นเฟรมด้วยลีล่าท่าทางที่ว่องไว เพื่อบันทึกความรู้สึกของศิลปินเอาไว้ในผืนเฟรม ด้วยสีสัน
***
                ศิลปะลัทธิฟิวเจอริสม์ (Futurism Art)
ศิลปินอิตาลีกลุ่มหนึ่ง มีความเห็นขัดแย้งกับแนวทางศิลปะเชิงขนบนิยมในประเทศของตนอย่างรุนแรง   เริ่มต้นเคลื่อนไหวในปี ค..1909
ศิลปะลัทธิฟิวเจอริสม์ ได้ชื่อจากความเชื่อทางศิลปะของศิลปินและแนวทางการสร้างงาน คือ มุ่งแสดงความรู้  เคลื่อนไหว จากบริบทของสังคมยุคเครื่องจักรกล ที่แพร่ในยุโรป ต้องการแสดงออกถึงลักษณะของสังคมยุคใหม่ เห็นความงามของเครื่องจักรกลที่รวดเร็วและมีพลัง ศิลปะฟิวเจอร์ริสม์จึงเป็นการสร้างผลงานแสดงชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันที่ไม่หยุดนิ่ง อันเป็นผลจากการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์
ศิลปินเกือบทั้งหมดเป็นชาวอิตาลี อาทิ บอคโซนี (Boczoni)/บาลลา (Balla)/คาร์รา(Carra)/เซเวอรินี (Severini)/รุสโซโล (Russolo)

บอคโซนี (Boczoni)
ประสบการณ์ต่าง ๆ เป็นปัจจัยทางปัญญาและความคิด ทำให้บอคโซนีใช้ในการพัฒนาการงานรูปแบบฟิวเจอริสม์ภาพ “เมืองเติบโต” เป็นภาพม้าที่วิ่งเต็มเมือง ผู้คนที่วุ่นวายสับสนท่ามกลางความเร็วและความแออัดยัดเยียด เป็นภาพที่มีความเคลื่อนไหวสั่นพร่าอยู่เบื้องหน้าอาคารสมัยใหม่

                                                          Umberto Boccioni, The City Rises (1910)

***
จิอาโคโม บอลลา (Chiacomo Balla)
                        1. มีคุณูปการต่อศิลปะลัทธิฟิวเจอริสม์มาก
                        2. มีบทบาทสร้างสรรค์งานแบบฟิวเจอริสม์มากและยาวนานที่สุด ตั้งแต่ ค..1920
                        3. เป็นครูของ บอคโซนีและเซเวรินี ในช่วงปี ค..1900

*****************************************************
*********************************************************
************************************************************
ที่มา : Powerpoint ของท่านอาจารย์ พิทยะ ศรีวัฒนะสาร


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น