ยุคหลังสมัยใหม่ (THE POST MODERN ERA)
หลังสมัยใหม่ คืออะไร
หลังสมัยใหม่ เป็นคำที่มีหลายความหมาย ซึ่งไม่ได้มีขึ้นมาโดยตัวของมันเอง
แต่มีขึ้นมาจากการเทียบเคียงกับสมัยใหม่ อย่างไรก็ตาม
เราคงไม่สามารถหาวันเวลาที่แน่ชัดของการกำเนิด “หลังสมัยใหม่” ว่าเกิดขึ้นเมื่อใด
ประมาณว่าในช่วงระหว่างทศวรรษที่ 60-70ได้เริ่มมีการพูดถึงประเด็นในเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง
โดยเฉพาะในแวดวงของวรรณกรรมและศิลปะ
Ihab Hassan ได้ให้คำจำกัดความ “หลังสมัยใหม่” ว่าเป็นยุคที่ไม่สามารถกำหนดได้
ซึ่งเขาหมายถึง “อาณาบริเวณที่วาทกรรม”ต่างๆ ทำหน้าที่ของมัน โดยที่ความหลากหลายของแนวคิดจะช่วยให้เราตระหนักถึง
“รหัส” ที่อยู่รอบๆ ตัวของเรา โดยเฉพาะที่ปรากฏอยู่ในภาษา
Hassanได้พยายามรวบรวมลักษณะของแนวคิดแบบหลังสมัยใหม่ที่ปรากฏอยู่ในงานด้านต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นด้าน ภาษาศาสตร์ ทฤษฎีวรรณกรรม ปรัชญา มนุษย์วิทยา รัฐศาสตร์ ตลอดจนเทววิทยา
จากนักคิด นักเขียนหลายๆ กลุ่มทั้งจากยุโรป และอเมริกา โดยทำการเปรียบกับรูปแบบที่ปรากฏในงานของสมัยใหม่นิยมจากการรวบรวมของ
Hassan แนวคิดของหลังสมัยใหม่ มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากสมัยใหม่
ดังตารางเปรียบเทียบสภาวะสมัยใหม่กับสภาวะหลังสมัยใหม่ตามแนวคิดของ Hassan ดังนี้
จากตารางการเปรียบเทียบตามแนวคิดของ Hassan ดังกล่าว อาจสรุปได้ว่า ลักษณะของหลังสมัยใหม่มีลักษณะที่สำคัญ
คือ เป็นลักษณะของความแตกต่าง, เป็นลักษณะของความสัมพัทธ์, เป็นลักษณะของความไม่ต่อเนื่อง, เป็นลักษณะของการกระจัดกระจายและเป็นลักษณะของความไร้ระเบียบนั้นเอง
จุดเด่นของแนวคิดหลังสมัยใหม่
Lyotard เห็นว่าลักษณะเด่นของแนวคิดหลังสมัยใหม่นิยม คือ วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับความชอบธรรมของความรู้ในยุคหลัง-อุตสาหกรรม
เงื่อนไขของความเป็นหลังสมัยใหม่ คือ การล่มสลายของเรื่องเล่าขนาดใหญ่หรืออภิมหาเรื่องเล่า นั่นเอง แนวคิดหลังสมัยใหม่นิยม จะช่วยให้เรามองเห็นความแตกต่างท่ามกลางภาพกว้างของกระแสหลัก
ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เราเห็นความแตกต่างละทิ้งความซ้ำซากแล้วหลังสมัยใหม่นิยม มีพลังสูงพอสมควรในการเขย่ารากฐานและระบบความคิดที่แข็งทื่ออย่างเช่น
ปรัชญา วัตถุนิยม จนเกิดการพังทลายและมีความว่างเกิดขึ้นนำไปสู่การสังเคราะห์ใหม่ระหว่างสสาร/ความคิด
และที่สำคัญคือ หลังสมัยใหม่สอนให้เรารู้จักคิดแบบองค์รวม ซึ่งทำให้การศึกษาทางสังคมศาสตร์มีความถ่อมตัวมากขึ้น
ในการอ้างถึงความรู้ที่ศึกษาวิจัยมา อย่างน้อยก็ลดระดับการอธิบายการอ้างถึงความสมบูรณ์ของความรู้ครอบคลุมไปหมด
จุดเด่นของหลังสมัยใหม่ที่กล่าวมาย่อมแสดงให้เห็นแล้วว่า หลังสมัยใหม่เป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาและการท้าทายที่ทำให้การอ้างถึงความรู้ที่มีอยู่ในการศึกษาทางสังคมศาสตร์ไม่เป็นแบบเกินเลยและถ่อมตัว/ถ่อมตนมากขึ้น
โดยถือว่าความรู้ทุกอย่างล้วนเป็นวาทกรรมทั้งสิ้น
จุดด้อยของแนวคิดหลังสมัยใหม่
อย่างไรก็ตามแม้ว่า หลังสมัยใหม่ไม่ได้เสนออะไรที่เด่นชัดมากนัก เพราะตัวหลังสมัยใหม่เองเป็นเพียง "กระแสความคิด" มากกว่าจะเป็น "สำนักคิด" ที่มีระเบียบวิธี, ปรัชญา และเป้าหมายในการศึกษาที่ชัดเจนตายตัว แต่อย่างไรก็ดีไม่ได้หมายความว่าหลังสมัยใหม่จะไม่มีอะไรเลย และไม่มีอะไรที่เป็นแก่นสารอยู่ข้างใน สำหรับผู้เขียนแล้ว นี้ก็เป็นการกล่าวหากันเลื่อนลอยจนเกินไป
อิทธิพลที่มีต่อศิลปะในยุคหลังสมัยใหม่
การปฎิเสธศูนย์กลาง ก็คือ การปฎิเสธอำนาจครอบงำ
เน้นชายขอบซอกมุม เพื่อปลดเปลื้องการครอบงำทางด้านเวลา เทศะ และอัตลักษณ์ที่ยังหลงเหลืออยู่
ดังปรากฏในสถาปัตยกรรมจำนวนมากที่เลิกเน้นศูนย์กลาง และการปฎิเสธความเป็นเอกภาพ หรือ
องค์รวม ภาพเขียนหรือสถาปัตยกรรมจึงไม่จำเป็นต้องจบสมบูรณ์อาจเป็นหลายเรื่องซ้อนเร้นกัน
ศิลปะยุดหลังสมัยใหม่โดยรวมแล้วจะคัดค้านโครงสร้างระเบียบ
ลำดับ ไม่ยึดติดกับโครงสร้างเพราะถือได้ว่าเป็นแนวคิดหลังโครงสร้างนิยม และแนวคิดนี้จะต่อต้านจุดเริ่มต้นทางประวัติศาสตร์แต่จะโหยหาอดีต
เนื่องจากความไม่มั่นคงทางอัตลักษณ์ อดีตของพวกเขาไม่ใช่ประวัติศาสตร์ แต่เป็นการทำลายประวัติศาสตร์เพราะมันถูกนำมาอยู่ในปัจจุบันหรือหลุดไปจากบริบทอย่างสิ้นเชิง
สังคมในยุคหลังสมัยใหม่
ยุคหลังสมัยใหม่กำลังก้าวเข้ามาแทนที่ยุคสมัยใหม่อย่างท้าทาย
ด้วยนัยแห่งการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ การเมือง สังคมและวัฒนธรรม อาทิ เช่น
1.
ลักษณะทางเศรษฐกิจที่ก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจแบบบริโภคนิยมมวลชน (Mass Consumerism) ความเป็นยุคทุนนิยมตอนปลาย
2.
ลักษณะการผลิตเป็นแบบหลังอุตสาหกรรม (Post-Industrial) ความเป็นสังคมข่าวสาร สังคมที่ประกอบขึ้นจากการจำลอง
3.
ลักษณะล้ำความจริง (Hyperreality) การยุบตัว (Implosion) รวมถึงรูปแบบใหม่ทางเทคโนโลยีและวัฒนธรรม เป็นยุคที่สื่ออิเลคโทนิคส์
ซึ่งสามารถตัดข้ามผ่านพื้นที่ทางกายภาพจะเข้ามาแทนที่ "ชุมชน" อันจะทำให้แนวคิดเรื่องสังคมจะกลายเป็นเพียงภาพลวงตา
***************************************************
ที่มา :
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น